Home | Dhamma Subjects | Dhammatalk | Temple's Activity | last chance

American Buddhist Meditation Temple

Last Chance

12817_wallpaper280.jpg

มองดูชีวิต
ทุกคนรักชีวิต ห่วงใยในชีวิต ต้องการให้ชีวิตนี้มีความสุข  แสวงหาทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความสุขของชีวิตวางแผนชีวิตทุกรูปแบบเพื่อให้ชีวิตนี้มีความสุขตลอดระยะเวลาอันยาวนาน ชีวินก็ไม่พบกับความสุขที่แท้จริงสักที ทั้งๆ ที่ทุกชีวิตก็ไม่ปรารถนาความทุกข์ แต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีความทุกข์ไปได้
ชีวิตคืออะไร
ชีวิต คือธรรมชาติที่เกิดจากกรรม ทำหน้าที่ควบคุมกลุ่มรูป - นามให้มีความดำรงอยู่ไม่ตายไป ธรรมดาของร่างกายและจิตใจ ถ้าขาดชีวิตควบคุมก็จะตายทันที
ชีวิตนี้มีอะไรเป็นแก่นสาร
ชีวิตเปรียบเหมือนฟองน้ำ  เมื่อก่อตัวขึ้นแล้วก็ดับไป  ชีวิตเปรียบเหมือนกับพยับแดด  เมื่องมองไกลๆ ก็เห็นเป็นตัวระยิบระยับ  แต่เมื่อได้เข้าไปใกล้ๆ ก็จะไม่เห็นมีอะไรเป็นตัวตน  ชีวิตเปรียบเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง  เมื่อเกิดขึ้นแล้วดูเหมือนจริงจัง แต่เมื่อถึงฝั่งแล้วก็สลายไป ไม่มีตัวตน ชีวิตเปรียบเหมือนคนเดินทางไปสู่ป่า  ธรรมดาของคนเดินทางเข้าไปสู่ป่าต้องมีเสบียงกรัง ถ้ามีเสบียงกรังมากก็อยู่ในป่าได้นาน  แต่ถ้ามีเสบียงกรังน้อยก้อยู่ในป่าได้ไม่นาน  หมดเสบียงกรังแล้วก็ต้องรีบกลับ ชีวิตของคนเราก็เช่นเดียวกัน  เกิดมาเป็นมนุษย์ได้เพราะอาศัยบุญเก่าที่ทำไว้ ถ้าได้ทำบุญกุศลไว้มาก ก็จะอยู่ในโลกนี้ได้นาน  ถ้าทำบุญไว้น้อย ก็จะอยู่ในโลกนี้ได้ไม่นาน  หมดบุญแล้วก็ต้องรีบกลับ  คนบางคนยังไม่ทันลืมตามองดูโลก  ก็ตายไปเสียแล้วอย่างน่าเสียดาย เพราะขาดบุญกุศลอุปถัมภ์ค้ำชู  ชีวิตเปรียบเหมือนตัวละคร  เมื่อออกมาแสดงบทของตนแล้วก็ต้องกลับเข้าโรงไป ทุกๆ ชีวิตไม่จีรังยั่งยืน เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องตายไปตามกรรม
เราได้อะไรจากการมีชีวิต
1.ได้ทำความดี สร้างบุญกุศล ช่วยเหลือเกื้อกุลผู้ยากไร้ บำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ศึกษาเล่าเรียนธรรมะ สร้างปัญญาหานทางพ้นทุกข์ผลที่ได้รับคือ ชีวิตมีความสุขทั้งชาตินี้และชาติหน้า
2. ได้ทำความชั่ว ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเบียดเบียนผู้อื่นให้ได้รับคาวมเดือนร้อน  ลักทรัพย์ ผิดในกาม พูดปดหลอกลวงผู้อื่น ดื่มสุรา ติดยาเสพติด เห็นผิดจากความเป็นจริง ผลที่ได้รับ คือชีวิตมีคาวมทุกข์ ทั้งชาตินี้และชาติหน้า
3. ได้ทำความดีบ้าง ทำความชั่วบ้าง เคล้าคละปะปนก็นไป บางทีก็ทำความดีมากทำความชั่วน้อย  บางทีก็ทำความชั่วมาก ความดีน้อย ผลที่ได้ คือ ชีวิตจะมีความสุขบ้าง มีความทุกข์บ้าง เคล้าคละปะปนกันไป ทั้งชาตินี้และชาติหน้า
ชีวิตของเราควรมีอะไร
ตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนมากชีวิตของเรามุ่งอยู่กับการทำมาหากิน หางาน หาเงิน หาที่อยู่อาศัยสร้างหลักฐานให้มั่นคง  แต่พอถึงวาระสุดท้าย ก็ต้องละทิ้งไป ปล่อยไว้ให้เป็นสมบัติของโลก  ส่วนที่ได้สร้างสมไว้ทั้งสมบัติพัสฐานทรัพย์สินเงินทอง เอาไปไม่ได้สักบาทเดียว  มีแต่ความดี ความชั่ว ที่ตัวเองได้สั่งสมไว้เท่านั้นที่ติดตัวตามตนไปได้
           ชีวิตจึงควรมีปัญญา  เป็นเครื่องนำแสงสว่างส่องทางเดิน เพราะปัญญามีอยู่กับชีวิตของผู้ได ชีวิตของผู้นั้นจะไม่มัวเมา ไม่มืดมน ไม่หมกมุ่นอยู่ในทางที่ผิด  เห็นผิด ปัญญาสามารถสร้างทางเดินของชีวิต ให้มีความสุขอันสถาพรได้
           หรือจะดำเนินชีวิตเหมือนบัณฑิตก็ได้ เพราะบัณฑิตมิได้ใส่ใจตนเอง บัณฑิตถือเอาผู้อื่นประดุจตัวเอง กับคนดีบัณฑิตก็ทำดีด้วย กับคนชั่วบัณฑิตก็ทำดีด้วย  ทั้งนั้น เพื่อให้เขาเป็นคนดี  กับคนมีสัจจะบัณฑิตก็เชื่อถือ กับคนไร้สัจจะบัณฑิตก็ยังเชื่อถือ  ทั้งนี้เพื่อให้เขาเปลี่ยนเป็นคนมีสัจจะ บัณฑิตจึงเป็นที่พึ่งของหมู่ชนทั้งหลายด้วยประการฉะนี้แล

ตะปูสอนคน
 
มีเด็กน้อยคนหนึ่งที่สีหน้าแสดงอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก
พ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขา 1 ถุง และบอกกับเขาว่า
”ทุกครั้งที่เจ้ารู้สึกโมโห หรือโกรธใครสักคน
ให้ตอกตะปู 1 ตัวเข้าไปกับรั้วที่หลังบ้าน”
วันแรกผ่านไป เด็กน้อยคนนั้นตอกตะปูเข้าไปที่รั้วหลังบ้านถึง 37 ตัว
และก็ค่อย ๆ ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ ในแต่ละวันที่ผ่านไป ก็ลดจํานวนลง
น้อยลง น้อยลง เพราะเขารู้สึกว่า การรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง
ให้สงบง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ
และแล้วหลังจากที่เขาสามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้นใจเย็นมากขึ้น
เขาจึงเข้าไปพบกับพ่อ และบอกกับพ่อของเขาว่า
เขาสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้แล้ว
ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนที่เคยเป็นมา
พ่อยิ้ม และบอกกับลูกชายของเขาว่า
”ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเจ้าต้องพิสูจน์ให้พ่อรู้
โดยทุกๆ ครั้งที่เจ้าสามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตนเองได้
ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้าน 1 ตัว ทุกครั้ง”
วันแล้ววันเล่า เด็กน้อยคนนั้นก็ค่อยๆ ถอนตะปูออก
ทีละตัว จาก 1 เป็น 2 .... จาก 2 เป็น 3
จนในที่สุดตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออก จนหมดเด็กน้อยดีใจมากรีบวิ่งไปบอกกับพ่อเขาว่า
“ฉันทำได้ ในที่สุดฉันก็ทำจนสำเร็จ !!”
พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่จูงมือลูกของเขาออกไปที่รั้วหลังบ้าน
และบอกกับลูกว่า “ทำได้ดีมาก ลูกพ่อ และเจ้าลองมองกลับไปที่รั้วเหล่านั้นสิ
เจ้าเห็นหรือไม่ว่า รั้วนั้นมันไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือน..กับที่มันเคยเป็น
"จำไว้นะลูก เมื่อใดก็ตามที่เจ้าทำอะไรลงไปโดยใช้อารมณ์
สิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผล เหมือนกับการเอามีดที่แหลมคมไปแทงใครสักคน
ต่อให้ใช้คำพูด ว่า “ขอโทษ” สักกี่หนก็ไม่อาจลบความเจ็บปวด ไม่อาจลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้
และจงจดจำไว้เสมอว่า “ คำขอโทษ “ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เราหรือไม่ก็ตาม
แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น คือ รอยร้าวที่เขาคงไม่อาจลืมมันได้ ...... ตลอดไป”

Temple Boys.......Buck and Deacon

buck1.jpg

deacon2.jpg


Enter supporting content here